Coaching

ทําไมปั่นจักรยานต้องมีโค้ช?
(Why do you need a Cycling Coach?)
จักรยานก็ไม่ต่างกับกีฬาทั่วไป ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการสอนและวางแผนการซ้อม ไม่ต่างกับโปรกอล์ฟ หรือโค้ชว่ายนํ้า กีฬาทุกอย่างล้วนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน การมีพื้นฐานที่ดีจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะการปั่นที่รวดเร็วและยั่งยืน คุณอาจจะคิดว่ากีฬาจักรยานนั้นแค่ปั่นจักรยาน “เป็น” ก็โอเคแล้ว แต่การที่คุณมีโค้ชจะช่วยให้คุณปั่นจักรยาน “ได้ดี” นั่นเอง

 

IMG_9497

ต้องจริงจังแค่ไหนถึงจะต้องมีโค้ช?
(At what level do i need a coach?)
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนอยากพัฒนาตัวเองไปถึงที่สุด และผมก็เสียดายที่เห็นนักกีฬาที่มีศักยภาพหลายคนในเมืองไทย วางแผนการซ้อมแบบไม่มีทิศทาง บ้างก็มากไป น้อยไป สูงไป บ้างก็ตํ่าเกินไป บางคนใช้ตารางซ้อมที่ Copy จากในอินเตอร์เน็ต ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปเหล่านั้นไม่ได้มีปัจจัยอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลย และไม่มีการการันตีว่าคุณจะได้ผลจากการฝึกซ้อมมากน้อยแค่ไหน การมีโค้ชจะช่วยให้คุณพัฒนาการปั่นของคุณอย่างมีระบบ และเหมาะสมกับตัวคุณ และที่สำคัญต้องวัดผลได้ การโค้ชชิ่งไม่ได้เป็นการฝึกซ้อมทางด้านร่างกาย (Physically) แต่รวมไปถึงการฝึกซ้อมทางด้านจิตใจ (Mentality) ให้เข้มแข็งและมุ่งมั่น โค้ชจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ และเตรียมจิตใจของคุณให้พร้อมที่สุดก่อนการแข่งขัน นักปั่นที่ชนะรายการใหญ่อาจจะไม่ได้เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด แต่พวกเค้าเหล่านั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ต่างหาก
ต้องฝึกหนักแค่ไหน ถึงจะเห็นผล?
(How quickly do i start to improve?)
ผมไม่ได้คาดหวังให้ทุกคนต้องซ้อมอย่างหนักเพื่อไปแข่ง Tour de France เพราะทุกคนมีภาระหน้าที่ของตัวเอง ผมเคยมีลูกศิษย์ชื่อ Matt Langworthy เป็นแชมป์เยาวชนจูเนียร์ โดยผมจัดตารางฝึกซ้อมเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น! ตารางซ้อมที่ผมจัดให้ทุกคนจะแตกต่างกัน แล้วแต่ไลฟสไตล์และจุดมุ่งหมาย ซึ่งในช่วงแรกผมจะประเมินศักยภาพของนักกีฬาแต่ละคน หลังจากนั้นโปรแกรมการซ้อมจะค่อยๆ ถูกปรับให้เข้ากับนักกีฬาคนนั้น เพราะนักกีฬามีพรสวรรค์แตกต่างกัน บ้างก็เป็นนักสปรินเตอร์ นักขึ้นเขา ปั่นทางราบ แบบจับเวลา (Time Trial) หรือ นักไตรกีฬาระยะต่างๆ (Triathlete) โดยเฉลี่ยโปรแกรมที่ผมออกแบบจะใช้เวลาอยู่บนจักรยานไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ต่อวัน และ 3-4 วันต่อสัปดาห์ หากคุณปฏิบัติตามแผนการซ้อมได้ 80-90% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ผมเชื่อว่าคุณจะเริ่มเห็นพัฒนาการอย่างแน่นอนครับ
มีทางลัดที่จะทำให้ปั่นเก่งเร็วๆ ในระยะสั้นๆ หรือไม่?
(Is there any shortcut to improve more quickly?)
คำตอบคือ “ไม่มี” ครับ ร่างกายของเรามีพัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณไม่สามารถหวังผลในระยะสั้นๆ จากการซ้อมได้ แผนการซ้อมจึงมีการสลับหนักเบา เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน และเริ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดที่ถูกต้อง การที่คุณปั่นหนักๆ หลายๆ ชั่วโมงมากกว่าเพื่อน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปั่นเก่งเร็วขึ้น นอกจากนั้น การซ้อมปั่นอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง หรือเข้าแข่งขันติดกันหลายสนาม นอกจากจะทำให้ร่างกายคุณเหนื่อยล้าเกินไป ประสิทธิภาพการปั่นของคุณจะตกลงในที่สุด อาจเกิดอาการบาดเจ็บ จิตใจของคุณก็จะห่อเหี่ยว ไม่สนุกกับการปั่นอีกต่อไป

หากคุณมีคําถามในใจว่าจะซ้อมอย่างไรให้มีทิศทางและได้ผลสูงสุด ผมช่วยคุณได้ครับ ติดต่อเราวันนี้ที่ JJ Pro Cycling Centre อย่าลืมนะครับว่า “คุณคืออาวุธหลักที่สําคัญที่สุดของการปั่น ไม่ใช่จักรยาน” – โค้ชเจเจ

Coaching Programs

6 months Coaching + 50% off Lactate Test: 25,750 THB

12 months Coaching + Free Lactate Test: 48,000 THB

12 weeks Intensive for Inthanon (Excluded Lactate Test): 9,990 THB

 

ขั้นตอนสำหรับการโค้ชชิ่ง

4 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการโค้ชชิ่งกับ JJ Pro Cycling Centre เริ่มจากการตั้งเป้าหมายร่วมกันกับโค้ชเจเจ นัดหมายเพื่อทำแลคเตทเทส จากนั้นโค้ชเจเจจะทำการเซ็ทโปรแกรมการซ้อมผ่านทาง Application Online ชื่อ TrainingPeaks และหลังจากการฝึกซ้อมในแต่ละสัปดาห์ โค้ชจะวิเคราะห์ข้อมูลและตอบกลับผ่านทาง Application เช่นเดียวกัน เพื่อวัดผลและปรับแผนการซ้อมให้เหมาะสมกับนักกีฬาท่านนั้น ง่ายๆ เท่านี้ท่านก็สามารถเข้าร่วมโปรแกรมการซ้อมกับเราได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพครับ

 

IMG_9498

3D Aerofit: Virtual Wind Tunnel

เราทำให้คุณเร็วขึ้นได้!! ด้วย 3D Aerofit อุโมงค์ลมจำลอง ที่จะจัดท่าทางการปั่นที่แอโร่ไดนามิคและเหมาะสมกับคุณที่สุด

3D Aerofit ต่างกับ Bikefit ทั่วไปอย่างไร?

การทํา 3D Aerofit จะเน้นการปรับจักรยานที่มุ่งเน้นในเรื่องความแอโร่วไดนามิคสูงสุด โดยการทําฟิตติ้งนั้น ต้องใช้โปรแกรมที่จําลองหลักพลศาสตร์ของอุโมค์ลม ร่วมกับความเชี่ยวชาญของผู้ทําฟิตติ้งในการจัดตําแหน่งของลําตัวช่วงบน ไม่ว่าจะเป็นตําแหน่งศรีษะ แขน ข้อศอก ความสูงตํ่าของแอโร่บาร์
เพื่อให้ได้ท่าปั่นที่สามารถจะลดแรงต้านจากลมได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถปั่นในท่านั้นได้อย่างสบายยาวๆ และไม่สูญเสียพลังการปั่น การทํา 3D Aerofit จึงต้องใช้ความละเอียดและความเชี่ยวชาญอย่างมาก จําเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่แล้วการทํา 3D Aerofit จะเหมาะกับจักรยานประเภทไตรกีฬา และนักแข่งประเภท Time Trial ซึ่งมุ่งเน้นความ Aerodynamic

ขั้นตอนการทำ 3D Aerofit

ด้วยการวัดพื้นที่หน้าตัดที่ปะทะลมของตัวนักปั่นจากโปรแกรมอุโมงค์ลมจำลอง ร่วมกับการใช้ Computrainer ในการวิเคราะห์ Power Watts (แรงส่งในการปั่น) ควบคู่ไปกับการวัดการตอบสนองของระดับการเต้นหัวใจ (Heart Rate) โดยจำนวนพลังวัตต์ที่ถูกส่งออกไปด้วยความเร็วคงที่ของตำแหน่งการปั่นนั้นๆ จะถูกคำนวณออกมาเป็นชุดข้อมูลแบบ Real Time ข้อดีของการอ่านข้อมูลแบบ Real Time ก็เพื่อสามารถที่จะสามารถปรับท่าทางเปรียบเทียบในแต่ละตำแหน่งว่าตำแหน่งใดคือจุดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักปั่นท่านนั้นๆ ได้ทันที และสามารถบอกจำนวน Watt ที่ประหยัดได้มากขึ้นจากในแต่ละท่าปั่นอีกด้วย

ตารางด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบระยะเวลา (นาที) ที่ลดลงในการปั่นแบบจับเวลาในระยะต่างๆ ก่อนและหลังทำ 3D Aerofit
(ที่มา: https://www.gribble.org/cycling/power_v_speed.html)

และอีกตารางเป็นการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์แอโร่ต่างๆ กับความสามารถในการลดเวลาในการปั่นแบบจับเวลาระยะ 40 กม.

Table 3D Aerofit

จะเห็นได้ว่าการที่เราทำ 3D Aerofit จะช่วยให้คุณลดเวลาในการปั่นแบบจับเวลาระยะ 40 กม. ได้ถึง 3.45 นาที และลดเวลา 8 นาทีสำหรับ 70.3 Ironman หรือ ลดเวลาถึง 17.45 นาทีสำหรับ IRONMAN

Coach JJ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการทำ Aero Fitting จะช่วยให้คุณได้พบกับตำแหน่งการปั่นที่แอโร่ไดนามิคและเหมาะสมกับคุณที่สุด! ท่านสามารถนัดหมายการทำ 3D Aerofit เพื่อพัฒนาท่าปั่นของคุณให้เร็วที่สุด ด้วยเทคโนโลยีของ Bioracer Aero เช่นเดียวกับ Team Sky!

อยากปั่นเร็วขึ้น 8 นาทีในการแข่ง 70.3 Ironman?
เพียง 5,000 บาท (หรือ 10.41 บาทต่อวินาทีปั่นเร็วขึ้น)
BOOK NOW จองเลย! สนใจติดต่อจองเวลาทาง inbox ได้เลยครับ (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)

3D Aerofit: Virtual Wind Tunnel ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ราคา 5,000 บาท

*หมายเหตุ: ราคานี้ไม่รวมอุปกรณ์แอโร่วบาร์หรือ Seat post

 

We make you faster!
Using our 3D Aerofit – Virtual Wind Tunnel

We fit you to your optimal aerodynamic position
By measuring your frontal surface, whilst training on a computrainer analyzing power output and heart rate response, the amount of watts that you have to pedal to maintain a certain (hypothetical) speed in that specific position is calculated. You will get real time information on these parameters (frontal surface and power), as these parameters are adjusted instantly, when you change your position on the bike.

A typical saving by adding aerobars and fine tuning your aero position in the virtual wind tunnel would be between 20-40 watts or 1-2km/hr.

Coach JJ, our expert in aero TT fitting will assess your optimal aerodynamic position, book a session at our JJ Pro Cycling Centre and we will guide you to your fastest position using the Bioracer Aero technology as used by Team Sky.

Do you want to save 8 minutes in a 70.3 ironman?
ONLY 5,000 Bahts (that’s only 10.41THB per second cost)
Book a 2 hour slot NOW please message inbox on our facebook page https://www.facebook.com/JJProcyclingcentre/

3D Aerofit: Virtual Wind Tunnel: 3 hours for 5,000 THB

*Price excluded Aero Bar or Seat Post

IMG_8216

Bike Fitting

“การฟิตติ้งจักรยานที่เหมาะสมที่สุด ต้องให้ความสำคัญและสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล”

กว่า 35 ปีกับประสบการณ์ด้านการฟิตติ้งของโค้ชเจเจ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมระดับมืออาชีพจาก “Cyclefit UK” ประเทศอังกฤษ ที่ฟิตติ้งจักรยานให้กับทีม “Trek Pro Tour” โค้ชเจเจมีความเชี่ยวชาญในการปรับจักรยานให้เข้ากับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาสรีระของนักปั่นเป็นหลัก เพื่อให้สามารถนั่งปั่นในตำแหน่งที่สบายที่สุดแต่ยังคงสามารถส่งพลังไปสู่บันไดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย มีลูกค้าหลายๆ ท่านที่มีปัญหากล้ามเนื้อตึงตัวหลายจุด โดยเฉพาะโรค Office Syndrome ที่มักจะมีปัญหาบริเวณสะบัก ไหล่ หลังช่วงบน หลังช่วงล่าง ลงไปยังกล้ามเนื้อหลังขา กล้ามเนื้อสะโพก การปรับจักรยานจึงต้องไม่ต่ำจนเกินไป เพื่อให้ร่างกายสามารถที่จะควงขาได้ สำหรับลูกค้าที่มีปัญหากล้ามเนื้อตึงตัว โค้ชจะกำหนดให้ยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการควงขาได้ดีขึ้นนั่นเอง

เนื่องจากต้องพิจารณาหลายปัจจัยด้วยกันก่อนจะปรับจักรยานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การฟิตติ้งจักรยานแบบมืออาชีพควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

IMG_7061

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการฟิตติ้งจักรยาน

• เพิ่มความสบายในการปั่น
• ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• เพิ่มพลังการในการส่ง
• ลดโอกาสในการบาดเจ็บ
เวลาที่คุณปั่นจักรยาน คุณไม่ควรมีอาการเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อและข้อต่อใดๆ หากคุณมีอาการเหล่านั้นอาจหมายถึง การฟิตติ้งจักรยานยังไม่เหมาะกับคุณ

 

IMG_7062
Spin Scan ช่วยตรวจสอบว่าการออกแรงของขาซ้ายและขาขวาควรจะสมดุลย์ และส่งพลังการปั่นได้ดีที่สุด

 

หลักการคำนวณง่ายๆ

• จักรยานชั้นเยี่ยมน้ำหนักเบา ราคา 150,000 บาท
• ล้อจักรยานคาร์บอน ราคา 50,000 บาท
• เครื่อง Power meter ราคา 50,000 บาท
• หรือ การฟิตติ้งจักรยานที่เหมาะกับตัวคุณ ราคาไม่เกิน 5,000 บาท
การลงทุนฟิตติ้งจักรยานคือการใช้เงินอย่างคุ้มค่าและได้ผลประโยชน์สูงสุด! การซื้ออุปกรณ์ที่เบาที่สุดหรือแอโร่วที่สุดจะไม่บังเกิดผลใดๆ เลยหากคุณยังมีการฟิตติ้งจักรยานที่ไม่เหมาะกับตัวคุณ ซึ่งอาจจะทำให้คุณสูญเสียทั้งพลังในการปั่นและความเร็วอีกด้วย ล้อจักรยานคาร์บอนอาจช่วยลดเวลาของคุณลง 0.5 กม./ชม. แต่การฟิตติ้งจักรยานที่ดี สามารถลดเวลาได้มากกว่าถึง 1-2 กม./ชม.

 

Bike Fitting เวลา 3 ชั่วโมง ราคา 5,000 บาท

Bike Fitting 2 คัน พร้อมกัน ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง ราคา 7,000 บาท

Bike Fitting คันถัดไป (เคยปรับจักรยานคันแรกกับเรา) เวลา 1.30 ชั่วโมง ราคา 2,000 บาท

New Shoes/Cleats Set Up/Saddle ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ราคา 1,000 บาท

 

*หมายเหตุ: เงื่อนไขในการ Follow up Bike Fitting

  • หากรู้สึกยังไม่สบายตัวในการปั่น หรือมีอาการบาดเจ็บ สามารถมาทำ Follow Up ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี จากวันที่ทำ Bike Fitting ครั้งแรก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากเกินระยะเวลา 1 ปี คิดเป็นราคา Bike Fitting ครั้งใหม่
  • กรณีมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์จักรยานที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งที่เคยทำ Bike Fitting เช่น เปลี่ยน Group Set หรือ เปลี่ยนความยาว Crankset หรือเปลี่ยนแปลงจากการขนย้ายอื่นๆ สามารถนำเข้ามาปรับจักรยานให้เป็นตำแหน่งเดิมได้ อาจจะมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1,000 บาท แล้วแต่กรณี

 

 

โปรโมชั่นอื่นๆ คลิก>> Price & Promotion

Lactate Test

 ทําไมต้องทําแลคเตส เทส (Lactate test)

การวิเคราะห์หาค่า FTP โดยการตรวจผลแลคเตสในเลือด เป็นหนึ่งในวิธีที่แม่นยําที่สุด เพื่อนํามาใช้ในการจัดโซนการเทรนนิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการกีฬา โดยเฉพาะจักรยาน การวัดผลจากเลือดเพื่อหาค่า FTP แม่นยำกว่าการทำเทส 20 นาทีบนเทรนเนอร์ เพราะร่างกายต้องใช้ระยะเวลาและระดับความหนักของการปั่นที่สูงพอที่จะทำให้ร่างกายหลั่งกรดแลคติคออกมาได้ คนส่วนใหญ่ด้วยธรรมชาติมักจะไม่ส่งกำลังไปจนถึงจุดๆ นั้น ค่าที่ได้จึงมักเหวี่ยงไปกว่าความเป็นจริง การมีค่า FTP ผิด จะไม่สามารถพัฒนาการปั่นของคุณได้ดี เพราะหากคุณคำนวณ FTP ต่ำไป กรดแลคติคคุณอาจจะหลั่งออกมาน้อยจนร่างกายไม่พัฒนา หรือหากคุณคำนวณ FTP สูงเกิน กรดแลคติคที่ออกมาก็จะมากไป ก็จะทำให้คุณสูญเสียสารที่มีประโยชน์ในร่างกายและทำลายกล้ามเนื้อของคุณในที่สุด

Lt.jpg
ตารางแสดงให้เห็นว่าค่า FTP ที่ได้จากกาวัด Heart Rate (เส้นสีฟ้า) จะสูงกว่าค่าที่วัดจากผลเลือด Blood Lactate (เส้นสีแดง)
การ Training โดยไม่มีค่า FTP ได้หรือไม่?

การฝึกซ้อมโดยไม่มี FTP ก็เหมือนการพายเรือแบบไร้ทิศทาง เพราะอย่าลืมว่าการฝึกที่ระดับตํ่าไปหรือมากเกินไป จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ และอาจทําให้ร่างกายอ่อนล้าอย่างเปล่าประโยชน์

วิธการทดสอบผลแลคเตทในเลือด

การทดสอบแลคเตท ต้องจัดทำให้พื้นที่ที่มีการควบคุมปัจจัยรอบด้านอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลเที่ยงตรงสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นความเสถียรของเครื่องวัดผล เครื่องเทรนเนอร์ที่สามารถควบคุม Power ได้อย่างแม่นยำ แรงเสียดทานของยางรถ อุณหภูมิห้อง รวมถึงสภาพร่างกายของผู้มาทดสอบ วิธีการคือวัดค่าแลคเตทในเลือดของผู้ทดสอบในภาวะปกติ (Base Line) หลังจากนั้นจะเริ่มปั่นด้วย Power ที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละลำดับขึ้น และคอยวัดผลเลือดในแต่และ Power ที่เปลี่ยนไป จนเมื่อ Power ที่สูงขึ้นจนร่างกายหลั่งแลคติคแบบก้าวกระโดด นั่นคือ ร่างกายได้ถึงจุด Threshold หรือ FTP นั่นเอง การที่กรดแลคติคก้าวกระโดดนั้นเนื่องจากปริมาณที่กรดหลั่งออกมามากเกินกว่าที่ร่างกายจะนำกลับไปใช้ใหม่ได้ ถ้าเรายังคงปั่นด้วย Power ระดับนี้หรือสูงกว่านี้จะเกิดการสะสมของแลคติคในกล้ามเนื้อและร่างกายส่วนต่างๆ นำไปสู่การเหนื่อยล้า การเป็นตระคริว และอาการบาดเจ็บอื่นๆ ตามมานั่นเอง

“ขั้นตอนสำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจของการทำแลคเตทเทส นั่นคือ ขั้นตอนการประมวลผลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดค่า FTP และ กำหนดแบ่งโซนของการซ้อมเป็นรายบุคคล ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ของผู้วิเคราะห์เป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่กล่าวไป การกำหนดค่า FTP ผิดเพี้ยนไปนิดเดียว ก็มีผลต่อประสิทธิภาพของการซ้อมที่คุณจะได้ในแต่ละครั้ง”

ค่า FTP ของเราเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่?

แน่นอนครับ การฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ จะทำให้คุณสามารถพัฒนาค่า FTP สูงขึ้นอย่างแน่นอน นั่นหมายถึงคุณจะสามารถปั่นด้วยค่า Power ที่เท่าเดิมแต่ร่างกายจะหลั่งกรดแลคติคออกมาน้อยลง ส่งผลให้เหนื่อยน้อยลงไปด้วย แต่ในทางกลับกัน หากคุณหยุดการฝึกซ้อมไปเป็นระยะเวลานานๆ 2-3 เดือน ค่า FTP คุณก็จะลดลงมาตามไปด้วย เพราะร่างกายไม่ได้ถูกฝึกให้หลั่งกรดแลคติคออกมาอย่างสม่ำเสมอ  พอคุณจะกลับมาปั่นอีกครั้ง คุณจะรู้สึกไม่มีพลังและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ รวมทั้งการเต้นของหัวใจก็จะสูงไปด้วย

ตารางด้านล่างเป็นการเปรียบอัตราการหลั่งแลคเตท เทียบกับ Power จะเห็นว่าช่วงก่อนฤดูกาลแข่งขัน (เส้นสีน้ำเงิน) ค่า FTP จะแตกต่างจากช่วงเตรียมตัวแข่งขันที่มีการฝึกซ้อม (เส้นสีชมพู)

Lac_Run_Compare

Lactate Test ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ราคา 3,500 บาท

ขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับ Lactate Test
  •  รับประทานอาหารก่อนทำการทดสอบอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • ห้ามปั่นจักรยานหรือออกกำลังกายอย่างหนัก 24 ชั่วโมงก่อนทำการทดสอบ

สิ่งที่ต้องนำมาด้วย Please bring with you

  1. จักรยาน Bike
  2.  รองเท้าจักรยาน Cycling shoes
  3. ชุดปั่นจักรยาน เสื้อ กางเกง ถุงเท้า Cycling shorts, socks, jersey
  4. ขวดน้ำดื่ม Water bottle
  5. ผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือผ้าเช็ดตัวสำหรับอาบน้ำ towel for shower
  6. สายคาดวัดหัวใจ Heart rate strap
  7. Garmin หรือ Head Unit อื่นๆ ที่ใช้อยู่