ทําไมปั่นจักรยานต้องมีโค้ช?
(Why do you need a Cycling Coach?)
จักรยานก็ไม่ต่างกับกีฬาทั่วไป ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการสอนและวางแผนการซ้อม ไม่ต่างกับโปรกอล์ฟ หรือโค้ชว่ายนํ้า กีฬาทุกอย่างล้วนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน การมีพื้นฐานที่ดีจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะการปั่นที่รวดเร็วและยั่งยืน คุณอาจจะคิดว่ากีฬาจักรยานนั้นแค่ปั่นจักรยาน “เป็น” ก็โอเคแล้ว แต่การที่คุณมีโค้ชจะช่วยให้คุณปั่นจักรยาน “ได้ดี” นั่นเอง
ต้องจริงจังแค่ไหนถึงจะต้องมีโค้ช?
(At what level do i need a coach?)
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนอยากพัฒนาตัวเองไปถึงที่สุด และผมก็เสียดายที่เห็นนักกีฬาที่มีศักยภาพหลายคนในเมืองไทย วางแผนการซ้อมแบบไม่มีทิศทาง บ้างก็มากไป น้อยไป สูงไป บ้างก็ตํ่าเกินไป บางคนใช้ตารางซ้อมที่ Copy จากในอินเตอร์เน็ต ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปเหล่านั้นไม่ได้มีปัจจัยอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลย และไม่มีการการันตีว่าคุณจะได้ผลจากการฝึกซ้อมมากน้อยแค่ไหน การมีโค้ชจะช่วยให้คุณพัฒนาการปั่นของคุณอย่างมีระบบ และเหมาะสมกับตัวคุณ และที่สำคัญต้องวัดผลได้ การโค้ชชิ่งไม่ได้เป็นการฝึกซ้อมทางด้านร่างกาย (Physically) แต่รวมไปถึงการฝึกซ้อมทางด้านจิตใจ (Mentality) ให้เข้มแข็งและมุ่งมั่น โค้ชจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ และเตรียมจิตใจของคุณให้พร้อมที่สุดก่อนการแข่งขัน นักปั่นที่ชนะรายการใหญ่อาจจะไม่ได้เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงที่สุด แต่พวกเค้าเหล่านั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ต่างหาก
ต้องฝึกหนักแค่ไหน ถึงจะเห็นผล?
(How quickly do i start to improve?)
ผมไม่ได้คาดหวังให้ทุกคนต้องซ้อมอย่างหนักเพื่อไปแข่ง Tour de France เพราะทุกคนมีภาระหน้าที่ของตัวเอง ผมเคยมีลูกศิษย์ชื่อ Matt Langworthy เป็นแชมป์เยาวชนจูเนียร์ โดยผมจัดตารางฝึกซ้อมเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น! ตารางซ้อมที่ผมจัดให้ทุกคนจะแตกต่างกัน แล้วแต่ไลฟสไตล์และจุดมุ่งหมาย ซึ่งในช่วงแรกผมจะประเมินศักยภาพของนักกีฬาแต่ละคน หลังจากนั้นโปรแกรมการซ้อมจะค่อยๆ ถูกปรับให้เข้ากับนักกีฬาคนนั้น เพราะนักกีฬามีพรสวรรค์แตกต่างกัน บ้างก็เป็นนักสปรินเตอร์ นักขึ้นเขา ปั่นทางราบ แบบจับเวลา (Time Trial) หรือ นักไตรกีฬาระยะต่างๆ (Triathlete) โดยเฉลี่ยโปรแกรมที่ผมออกแบบจะใช้เวลาอยู่บนจักรยานไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ต่อวัน และ 3-4 วันต่อสัปดาห์ หากคุณปฏิบัติตามแผนการซ้อมได้ 80-90% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ผมเชื่อว่าคุณจะเริ่มเห็นพัฒนาการอย่างแน่นอนครับ
มีทางลัดที่จะทำให้ปั่นเก่งเร็วๆ ในระยะสั้นๆ หรือไม่?
(Is there any shortcut to improve more quickly?)
คำตอบคือ “ไม่มี” ครับ ร่างกายของเรามีพัฒนาการแบบค่อยเป็นค่อยไป คุณไม่สามารถหวังผลในระยะสั้นๆ จากการซ้อมได้ แผนการซ้อมจึงมีการสลับหนักเบา เพื่อให้ร่างกายคุ้นชิน และเริ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดที่ถูกต้อง การที่คุณปั่นหนักๆ หลายๆ ชั่วโมงมากกว่าเพื่อน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปั่นเก่งเร็วขึ้น นอกจากนั้น การซ้อมปั่นอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง หรือเข้าแข่งขันติดกันหลายสนาม นอกจากจะทำให้ร่างกายคุณเหนื่อยล้าเกินไป ประสิทธิภาพการปั่นของคุณจะตกลงในที่สุด อาจเกิดอาการบาดเจ็บ จิตใจของคุณก็จะห่อเหี่ยว ไม่สนุกกับการปั่นอีกต่อไป
หากคุณมีคําถามในใจว่าจะซ้อมอย่างไรให้มีทิศทางและได้ผลสูงสุด ผมช่วยคุณได้ครับ ติดต่อเราวันนี้ที่ JJ Pro Cycling Centre อย่าลืมนะครับว่า “คุณคืออาวุธหลักที่สําคัญที่สุดของการปั่น ไม่ใช่จักรยาน” – โค้ชเจเจ
Coaching Programs
6 months Coaching + 50% off Lactate Test: 25,750 THB
12 months Coaching + Free Lactate Test: 48,000 THB
12 weeks Intensive for Inthanon (Excluded Lactate Test): 9,990 THB
ขั้นตอนสำหรับการโค้ชชิ่ง
4 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับการโค้ชชิ่งกับ JJ Pro Cycling Centre เริ่มจากการตั้งเป้าหมายร่วมกันกับโค้ชเจเจ นัดหมายเพื่อทำแลคเตทเทส จากนั้นโค้ชเจเจจะทำการเซ็ทโปรแกรมการซ้อมผ่านทาง Application Online ชื่อ TrainingPeaks และหลังจากการฝึกซ้อมในแต่ละสัปดาห์ โค้ชจะวิเคราะห์ข้อมูลและตอบกลับผ่านทาง Application เช่นเดียวกัน เพื่อวัดผลและปรับแผนการซ้อมให้เหมาะสมกับนักกีฬาท่านนั้น ง่ายๆ เท่านี้ท่านก็สามารถเข้าร่วมโปรแกรมการซ้อมกับเราได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพครับ